เคยไหม? สั่งเมนูโปรดตอนหนึ่งทุ่ม แล้วรู้สึกว่าบิลมันแรงกว่าตอนกลางวัน ทั้งที่เป็นเมนูเดียวกันเป๊ะ! คุณไม่ได้คิดไปเองนะ เพราะร้านอาหารมักจะตั้งราคาช่วงเย็นแพงขึ้น แล้วเพราะอะไรล่ะ?

ตั้งแต่ความต้องการที่พุ่งสูง ช่วงคนแน่นร้าน ไปจนถึงประสบการณ์การทานมื้อเย็นที่คนมักจะใช้เวลาละเมียดละไมมื้ออาหารตรงหน้านานกว่ามื้ออื่นๆ ร้านอาหารจึงวางแผนราคามาอย่างดี 

บทความนี้จะพาไปดูว่าทำไมมื้อเย็นถึงแพงกว่ามื้ออื่นๆ ร้านใช้กลยุทธ์ตั้งราคาตามเวลาอย่างไร และที่เด็ดที่สุดคือ เราจะแอบมาบอกเคล็ดให้คุณอิ่มอร่อยได้เต็มที่เท่าเดิม แต่ประหยัดเงินได้ตั้งครึ่งกระเป๋า!

เคล็ด(ไม่)ลับ กินให้อร่อยและประหยัดในมื้อเดียว

ใครว่ากินข้าวนอกบ้านต้องเปลือง? ด้วยกลยุทธ์ง่าย ๆ คุณสามารถเพลิดเพลินกับจานโปรดในราคาที่ดีต่อใจ — บางครั้งถูกลงครึ่งนึงเลยด้วยซ้ำ!

แค่เลือกกินเวลาคนน้อย ๆ หรือจองผ่านแอปอย่าง Eatigo ที่ให้ส่วนลดตามเวลา คุณก็ได้อิ่มจุกคุณภาพเต็มจาน ในราคาสบายกระเป๋า

ทำไมร้านอาหารถึงตั้งราคาแบบนี้?

ความต้องการสูง = ราคาสูง

ช่วงเย็นคือช่วงพีค คนแน่นร้าน ที่นั่งเต็มเร็ว ร้านก็อัปราคาให้คุ้มที่นั่ง จองด่วนยังยากเลย — เหมือนจองตั๋วโปรเลยแหละ!

ต้นทุนร้านก็มากขึ้นตอนเย็น

ต้องใช้พนักงานเพิ่ม เปิดไฟ เปิดแอร์ เสริมบรรยากาศด้วยเทียน ดนตรี ทุกอย่างล้วนมีค่าใช้จ่าย ซึ่งคุณก็จ่ายรวมไปกับค่าอาหารนั่นแหละ เหมือนเราต้องจ่ายเงินซื้อประสบการณ์เพิ่มไปในตัว

พฤติกรรมลูกค้า: ยิ่งดึก ยิ่งสั่งเยอะ

มื้อเย็น = ช่วงเวลาพักผ่อนหรือเฉลิมฉลอง เราจึงมักสั่งหลายอย่างตั้งแต่เรียกน้ำย่อยยันของหวาน แล้วยิ่งถ้าได้ไปนั่งทานกับเพื่อนกับครอบครัวนะ ยิ่งยาวเลยทีนี้ ไม่แปลกที่บิลจะหนา!

Time-Based Pricing คืออะไร?

จาก pain point เรื่องราคาที่ลูกค้าเจอกัน เลยเกิดเป็นโมเดล Time-Based Pricing ที่แอปจองร้านอาหารอย่าง Eatigo ใส่ใจคิดขึ้นมา เพื่อมอบส่วนลดที่คุ้มค่าตามแต่ละช่วงเวลา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ แถมยังช่วยร้านอาหารบริหารวัตถุดิบในครัวรวมถึงต้นทุนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวคิดนี้คือการตั้งราคาตามช่วงเวลา เช่น จ่ายเต็มช่วงพีค แต่ช่วงโลว์ก็มีลด! คล้ายจองโรงแรมหรือสายการบินเลย

ร้านจะเสนอราคาพิเศษช่วงว่าง เช่น เที่ยงก่อนบ่ายสอง หรือเย็นก่อนหกโมง เพื่อดึงคนเข้าโต๊ะ ลดของเสีย และบริหารพนักงานให้คุ้ม

เปรียบเทียบมื้อกลางวันกับมื้อเย็น

มื้อกลางวัน:

• เซ็ตคุ้ม! อาหาร + ซุป/สลัด + เครื่องดื่ม
• อร่อยเร็ว สบายกระเป๋า
• ตัวอย่าง: ข้าวแกงกะหรี่ + ชา = NT$180 / พาสต้า + ซุป = NT$200
• ให้บริการ 11:00–14:30

มื้อเย็น:

• เมนูพรีเมียม จานใหญ่ ราคาก็ใหญ่ตาม
• เพิ่มอาหารเรียกน้ำย่อย ของหวาน เครื่องดื่ม
• เสิร์ฟแบบชิลล์ ๆ ตั้งแต่ 17:30 เป็นต้นไป

 ตัวอย่างความต่างของราคา (กลางวัน vs เย็น)

 ร้านอิตาเลียน:

• กลางวัน: พาสต้า + สลัด + น้ำ = $220
• เย็น: พาสต้าเดี่ยว = $320 (ยังไม่รวมอะไรเลย!)

 สเต็กเฮ้าส์:

• กลางวัน: สเต็ก + มันบด + ซุป = $399
• เย็น: สเต็กเดี่ยว = $680

 ร้านแกงกะหรี่:

• กลางวัน: หมูทอด + ข้าวแกง + ซุป = $180
• เย็น: ข้าวหมูทอดเดี่ยว = NT$250 (ถ้าเพิ่มซุป…เกิน $300 แน่)

 ร้านซูชิ:

• กล่องเบนโตะกลางวัน = $350
• เย็นสั่งแยกทุกชิ้น = $520+

 แค่เลือกกินเร็วกว่าคนอื่น หรือจองผ่าน Eatigo คุณก็ประหยัดได้ทันที 20–50%

ราคาถูกไม่ได้แปลว่าคุณภาพลด

ช่วงเวลาคนน้อย ไม่ใช่ของเหลือ! ร้านใช้วิธีนี้เพื่อลดของเสีย และจัดการทรัพยากรในร้านได้อย่างมีประสิท ธิภาพมากขึ้น

อาหารยังมาจากครัวเดิม เชฟคนเดิม วัตถุดิบเกรดเดียวกัน — แค่คุณจ่ายถูกกว่าเท่านั้น!

Eatigo ยังช่วยร้านจัดโต๊ะให้เต็มทุกช่วง ใช้ทรัพยากรคุ้ม ทุกฝ่ายแฮปปี้ ลูกค้าถูกใจได้กินของคุ้มราคา

 ทำไมร้านอาหารยังได้ประโยชน์?

• ✳ ลดวัตถุดิบเสีย จากการเตรียมเผื่อไว้เยอะเกิน

• ✳ ใช้พนักงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

• ✳ โต๊ะไม่ว่างเปล่า = เงินไหลเข้า

• ✳ ไม่ต้องลดต้นทุน ก็เพิ่มรายได้ได้

 วิธีประหยัดกับอาหารจานเดิม!

📍 จองช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงพีค เช่น 14:30 หรือ 17:00 (กินช้าลงหรือไวขึ้นนิดหน่อย แต่อร่อยเท่าเดิม แถมประหยัดไปได้ตั้งเยอะ)
📍 ใช้แอปส่วนลดเวลา เช่น Eatigo ลดสูงสุด 50%
📍 กินวันธรรมดา หลายร้านจัดโปรพิเศษ

 สรุป: 

ไม่ใช่เพราะงก — แต่เพราะคุณฉลาดเลือก

ได้อาหารเหมือนเดิม บรรยากาศดีขึ้น ไม่ต้องต่อคิว ราคาเบากว่า แถมบางครั้งได้นั่งโต๊ะวิวดี ๆ ด้วยซ้ำ!

พร้อมเปลี่ยนมื้อธรรมดาให้คุ้มเกินราคาแล้วหรือยัง? ดาวน์โหลด Eatigo แล้วเริ่มประหยัดในมื้อต่อไปเลย!