parallax background

รู้ไหมคุณใช้จ่ายกับอาหารเท่าไหร่? มาคำนวณค่าอาหารกัน!

Payday คุ้ม 3 ต่อ
มิถุนายน 24, 2025
โออิชิแกรนด์
โออิชิแกรนด์ บุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นพรีเมียม ลดสูงสุด 50%
กรกฎาคม 2, 2025

รู้ไหมว่าคุณใช้จ่ายกับอาหารจริงๆ เท่าไหร่ในแต่ละวัน?
คำเตือน: อาจจะมากกว่าที่คุณคิด.

การดื่ม ชาไข่มุก และขนมปังจากร้านข้างทางในตอนเช้า, ทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหารไทยทั่วไป, กิน ชาไข่มุกหรือขนม ช่วงบ่าย, และทาน ข้าวเย็นที่ร้านข้างทาง… แค่วันเดียว ฿150–฿300 ก็หายไปอย่างรวดเร็ว.

การใช้จ่ายด้านอาหารในประเทศไทยสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างเงียบๆ ทุกวัน การซื้ออาหารเล็กๆ น้อยๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร — แต่พอเปิดแอพธนาคารหรือดูในกระเป๋าสตางค์ เราอาจจะคิดในใจว่า:
“เดี๋ยวนะ… เงินหายไปไหนหมด?”

ในบล็อกนี้เราจะสำรวจ:

  • การใช้จ่ายอาหารเฉลี่ยต่อวัน ตามไลฟ์สไตล์ต่างๆ ในประเทศไทย
  • ปัจจัยที่แท้จริง ที่มีอิทธิพลต่อการตั้งงบประมาณอาหาร — ตั้งแต่ความสะดวกสบายไปจนถึงความอยาก
  • เคล็ดลับในการทานอาหารอย่างชาญฉลาด โดยไม่ต้องยอมแพ้กับอาหารที่คุณรัก

สารบัญ

ค่าอาหารเฉลี่ยต่อวันในประเทศไทย

  • การใช้จ่ายทั่วไป: ประมาณ ฿987 ต่อคน ตามข้อมูลจากนักท่องเที่ยว
  • ตัวเลือกประหยัด: อาหารข้างทางและร้านอาหารท้องถิ่นมีราคาอยู่ระหว่าง ฿30–฿150 ขึ้นอยู่กับสถานที่และประเภทของอาหาร
  • การทานอาหารกลางๆ: ร้านอาหารทั่วไปและศูนย์อาหารมักมีราคาประมาณ ฿200–฿350 ต่อมื้อ
  • การทานอาหารระดับพรีเมียม: ร้านอาหารหรูหรืออาหารนานาชาติสามารถมีราคาตั้งแต่ ฿500–฿1,800 ต่อมื้อ

การใช้จ่ายค่าอาหารเฉลี่ยต่อวันในประเทศไทย (~฿400)

อาหารในประเทศไทยเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารข้างทางไปจนถึงมื้ออาหารในร้านอาหาร ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ใส่ใจงบประมาณหรือชอบทานอาหารนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยที่คุณไม่รู้ตัว

นี่คือการแบ่งรายละเอียดของการทานอาหารในแต่ละวัน — ที่มีทั้งตัวเลือกที่ประหยัดและการทานอาหารในระดับปานกลาง

☀️ มื้อเช้า – ฿50

มื้อเช้าแบบไทย ๆ ที่รวดเร็ว ราคาไม่แพง และอิ่มท้อง:

  • มื้อเช้าไทยแบบดั้งเดิมอาจรวมถึง นมถั่วเหลือง หรือ ชาร้อน พร้อม ขนมปังไข่ หรือ ข้าวต้ม มื้อแบบนี้มักจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ ฿30–฿50
  • กาแฟ หรือ ชาจากร้านข้างทางหรือร้านสะดวกซื้อ ก็อยู่ในราคานี้เช่นกัน

💡 ทำไมมันถึงเพิ่มขึ้น: แม้ว่าอาหารเช้าที่ถูกที่สุดจะดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าคุณซื้อทุกวัน มันจะเพิ่มขึ้นมากในระยะยาวจนกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในแต่ละเดือน

🍱 มื้อกลางวัน – ฿120

มื้อกลางวันในประเทศไทยอาจเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารยอดนิยมของท้องถิ่นและมื้ออาหารที่รวดเร็ว:

  • ข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว จากร้านข้างทางหรือร้านอาหาร (เช่น ผัดไทย, ข้าวผัด, หรือ ข้าวมันไก่) มักมีราคาอยู่ที่ประมาณ ฿50–฿80
  • อาหารจากการสั่งซื้อออนไลน์ ผ่านแอพฟู้ดเดลิเวอรี่ เช่น Foodpanda หรือ GrabFood จะทำให้ค่าใช้จ่ายในมื้อกลางวันสูงขึ้น โดยราคาปกติจะอยู่ที่ประมาณ ฿100–฿150 รวมค่าส่ง

💡 ทำไมมันถึงเพิ่มขึ้น: คุณอาจคิดว่า ฿50–฿80 นั้นไม่น่าจะมาก แต่เมื่อคุณทานอาหารนอกบ้านทุกวันหรือเลือกใช้บริการเดลิเวอรี่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

🍪 ขนม – ฿50

ขนมข้างทางเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมอาหารไทย และสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคุณได้อย่างง่ายดาย:

  • ชานมไข่มุก หรือ สมูทตี้ผลไม้ จากร้านคีออส (โดยทั่วไปมีราคาอยู่ที่ ฿30–฿50)
  • ขนมข้างทาง เช่น ไก่ทอด, ลูกชิ้นปลา, หรือ หมูปิ้ง (มักมีราคาตั้งแต่ ฿20–฿50)

💡 ทำไมมันถึงเพิ่มขึ้น: ขนมอาจดูเหมือนไม่มากเมื่อดูแยกกัน แต่เมื่อทานขนมหลายครั้งในแต่ละวัน ก็สามารถทำให้คุณเสียเงินไปได้ ฿1,000–฿1,500 ต่อเดือน

🥤 เครื่องดื่ม – ฿30

ตลอดทั้งวัน หลายคนมักจะดื่มเครื่องดื่มสักแก้วหรือสองแก้ว:

  • กาแฟหรือชา จากร้านคาเฟ่ท้องถิ่นหรือร้านสะดวกซื้อ (มักจะมีราคาอยู่ที่ ฿20–฿30)
  • น้ำดื่มบรรจุขวด หรือ น้ำอัดลม ที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven (ราคา ฿10–฿20)

💡 ทำไมมันถึงเพิ่มขึ้น: เครื่องดื่ม แม้จะมีราคาถูก ก็สามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อบริโภคเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ กาแฟตอนเช้า หรือ น้ำอัดลมกับมื้อกลางวัน ค่าใช้จ่ายเล็กๆ เหล่านี้สามารถสะสมเป็น ฿500–฿1,000 ต่อเดือน

ปัจจัยที่ทำให้ค่าอาหารเพิ่มขึ้นในประเทศไทย

อาหารในประเทศไทยอร่อย หลากหลาย และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายด้านอาหารประจำวันสามารถเพิ่มขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันได้สังเกต การผสมผสานกันของความสะดวกสบาย วัฒนธรรมการทานอาหารนอกบ้าน อัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของอาหารพรีเมียม หมายความว่าค่าใช้จ่ายในการกินนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มาดูปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อการใช้จ่ายอาหารประจำวันกัน:

⚡ 1. ความสะดวกสบาย vs ความอยาก

ในโลกที่เร่งรีบในปัจจุบัน ความสะดวกสบายมีบทบาทสำคัญในการใช้จ่ายอาหาร แม้ว่าการทำอาหารที่บ้านจะประหยัดกว่า แต่หลายคนก็เลือกที่จะทานอาหารง่ายๆ และรวดเร็ว:

  • อาหารข้างทาง หรือ ของทานเล่น เป็นทางเลือกที่ทั้งอร่อยและราคาย่อมเยา — เช่น ฿30–฿50 สำหรับ ขาไก่ทอด หรือ สเต๊ะ จากร้านข้างทาง
  • แอพสั่งอาหารทำให้การสั่งอาหารเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นแอปเขียว หรือ แอปชมพู ค่าจัดส่งมักจะรวมค่า ค่าบริการ และ ขั้นต่ำการสั่งซื้อ ซึ่งทำให้บิลรวมเพิ่มขึ้นอีก ฿30–฿100

แม้ว่าการซื้อเล็กๆ น้อยๆ จะดูไม่มาก แต่เมื่อกลายเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน ก็สามารถสะสมได้อย่างรวดเร็ว และมันง่ายที่จะใช้จ่ายมากเกินกว่าที่คิด โดยเฉพาะเมื่อ ความอยาก มาเยือน — เช่น ชาไข่มุก, ขนมหวาน หรือ ขนมทานเล่น ที่ช่วยให้ผ่านช่วงบ่ายไปได้

🍜 2. วัฒนธรรมการทานอาหารนอกบ้าน (เทียบกับการทำอาหารที่บ้าน)

การทานอาหารนอกบ้านเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นการพบปะเพื่อนที่ คาเฟ่ท้องถิ่น, ไปทานที่ ร้านข้างทาง, หรือรวมตัวกันทานข้าวกับครอบครัว การทานอาหารนอกบ้านมักจะถูกกว่าและสะดวกกว่าการทำอาหารที่บ้าน:

  • อาหารข้างทาง หรือ ร้านอาหารท้องถิ่น เสนอเมนูที่อิ่มท้อง เช่น ผัดไทย, ส้มตำ, หรือ ข้าวมันไก่ ราคาประมาณ ฿50–฿150
  • การทานอาหารที่ร้านอาหารหรือคาเฟ่ทั่วไปอาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น ฿200–฿350 ต่อคน โดยที่ มื้อเย็น มักจะเป็นมื้อที่แพงที่สุดในวัน

แม้ว่าการทำอาหารที่บ้านจะช่วยประหยัดเงิน แต่หลายคนก็เลือกความสะดวกสบายจากการทานอาหารนอกบ้าน เมื่อรวมกับแง่มุมทางสังคมของการทานข้างนอกแล้ว ก็กลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การใช้จ่ายอาหารประจำวันเพิ่มขึ้นในประเทศไทย

📈 3. อัตราเงินเฟ้อของอาหารและเครื่องดื่ม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราคาของอาหารในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน:

  • ผัก, เนื้อสัตว์, และ อาหารทะเล กลายเป็นสิ่งที่มีราคาสูงขึ้นในช่วงหลังจากราคาผันผวน
  • อาหารนำเข้า เช่น ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์จากนม มักจะมีราคาสูงกว่าเนื่องจาก ภาษีนำเข้า และค่าใช้จ่ายในกระบวนการขนส่ง

อัตราเงินเฟ้อนี้ส่งผลทั้งการซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและการทานอาหารนอกบ้าน ทำให้การรักษางบประมาณอาหารเป็นเรื่องยากขึ้น แม้ว่า อาหารข้างทางท้องถิ่น ที่เคยมีราคาถูกจะเห็นราคาขึ้นอย่างช้าๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวเยอะ

☕ 4. การเพิ่มขึ้นของกาแฟพรีเมียม ขนมขบเคี้ยว และค่าบริการจัดส่ง

วัฒนธรรมกาแฟและพฤติกรรมการทานขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยได้พัฒนาไปอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม ลาเต้หรูๆ หรือการทานขนมขบเคี้ยวพรีเมียม หลายคนตอนนี้ใช้จ่ายมากขึ้นกับสิ่งที่เคยถือเป็น “ของเล่น”:

  • กาแฟพรีเมียม จากคาเฟ่ดัง เช่น Starbucks หรือคาเฟ่ท้องถิ่นอาจมีราคาประมาณ ฿100–150 ต่อแก้ว แม้แต่ ชานมไข่มุก ธรรมดาก็มีราคาประมาณ ฿40–60 ที่ร้านชานมไข่มุกยอดนิยม
  • ขนมขบเคี้ยวเกรดพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งนำเข้า, โปรตีนบาร์, หรือ ขนมอบ ก็สามารถทำให้คุณใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้ ขนมขบเคี้ยวที่ทำเองหรือสินค้าแบรนด์จากร้านสะดวกซื้อมักจะมีราคาแพงกว่าตัวเลือกท้องถิ่น

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของ แอพพลิเคชั่นจัดส่งอาหาร ก็ได้นำมาซึ่ง ค่าบริการเพิ่มเติม:

  • ค่าบริการจัดส่งหรือค่าบริการขั้นต่ำอาจเพิ่ม ฿30–100 บนบิลของคุณ
  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการจัดส่งด่วนหรือ ทิปสำหรับพนักงานขนส่ง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น

คุณจะประหยัดได้ยังไงให้มีความสุข?

ใครบอกว่าคุณต้องหยุดทานอาหารนอกบ้านหรือเลิกทานขนมโปรดเพื่อประหยัดเงิน? เป้าหมายคือการทานอาหารอย่างชาญฉลาดโดยที่ไม่รู้สึกว่าต้องยอมแพ้ในเรื่องรสชาติหรือความสุขที่ได้รับจากอาหารที่คุณชอบ นี่คือ 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องตัดสิ่งที่คุณรักออกไป:

🍱 1. ทำอาหารเตรียมล่วงหน้า 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์

คุณไม่จำเป็นต้องทำอาหารทุกวัน แค่แบ่งเวลา 1–2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเตรียมอาหารที่ง่ายและประหยัด:

  • ทำ ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว, หรือ สลัด แบบจำนวนมาก
  • เตรียม โปรตีน เช่น ไก่, เต้าหู้ หรือไข่ แล้วเก็บใส่ภาชนะสำหรับสะดวกในการนำมาใช้ในแต่ละวัน

💡 ประโยชน์: การทำอาหารเตรียมล่วงหน้าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารประจำวันได้ถึง 50% โดยการลดความจำเป็นในการสั่งอาหารหรือทานอาหารนอกบ้าน มื้อที่คุณทำเองจะมีต้นทุนประมาณ ฿30–฿50 ต่อจาน ในขณะที่มื้อที่สั่งมาอาจมีราคา ฿100–฿150

🏪 2. ค้นหาร้านคาเฟ่หรือร้านข้างทางที่ประหยัด

ประเทศไทยเต็มไปด้วยตัวเลือกอาหารที่อร่อยและราคาไม่แพง โดยเฉพาะใน คาเฟ่ท้องถิ่น หรือ ร้านข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัด หรือ ส้มตำ อาหารเหล่านี้มักจะอิ่มท้องและคุ้มค่าพอๆ กับการทานในร้านอาหารหรู

  • มองหาร้านอาหารข้างทางท้องถิ่นที่คุณสามารถหามื้ออาหารง่ายๆ ในราคา ฿40–฿70
  • สำรวจ คาเฟ่ราคาประหยัด หรือ ศูนย์อาหาร ที่มีเมนูอิ่มท้องราคา ฿80–฿120

💡 ประโยชน์: คุณสามารถทานอร่อยโดยไม่ต้องใช้เงินมาก และยังได้สัมผัสรสชาติหลากหลาย อาหารข้างทางมักจะถูกกว่าการทานในร้านอาหารหรู

✨ 3. Eatigo Magic: ลดสูงสุด 50%

นี่คือที่ที่คุณจะสามารถ ประหยัดได้อย่างแท้จริง: Eatigo มอบส่วนลดสูงสุด 50% ในร้านอาหารที่คุณชื่นชอบเมื่อจองในช่วงเวลาที่ไม่พลุกพล่าน:

  • จอง มื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ในช่วงเวลาที่ไม่พลุกพล่านเพื่อรับส่วนลดจากร้านอาหารคุณภาพสูง
  • ลองร้านใหม่โดยไม่รู้สึกผิดจากการใช้จ่ายเกิน

💡 ประโยชน์: แทนที่จะจ่าย ฿500 สำหรับมื้อซูชิ คุณสามารถจองผ่าน Eatigo และจ่ายเพียง ฿250 ซึ่งทำให้คุณมีเงินเหลือพอสำหรับ ขนมหรือของหวาน

สัปดาห์กับ Eatigo: สิ่งที่คุณสามารถประหยัดได้

กับ Eatigo คุณสามารถรับส่วนลดสูงสุด 50% ที่ร้านอาหารที่ร่วมรายการ นี่คือวิธีที่คุณสามารถประหยัดได้ในขณะที่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารในประเทศไทย:

🔄 สะท้อน & จอง

🤔 คุณคิดว่าคุณใช้จ่ายกับอาหารในแต่ละวันเท่าไหร่?
เป็น ฿200 หรือ ฿400? หรือมากกว่านั้น?
ลองคิดสักนิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น — กาแฟสักแก้ว ขนมขบเคี้ยวเล็กๆ ข้าวกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน การสั่งข้าวเย็นมาทานที่บ้าน ก่อนที่คุณจะรู้ มันก็กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

📊 ติดตามการใช้จ่าย & ทานอาหารอย่างชาญฉลาด

ดาวน์โหลด Budget Tracker ฟรี (PDF)
เริ่มติดตามการใช้จ่ายอาหารในแต่ละวันและดูว่า คุณสามารถเลือกใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดได้ที่ไหนบ้าง

🍱 รับ 7-Day Smart Meal Planner
วางแผนมื้ออาหารของคุณในแต่ละสัปดาห์ โดยมีการผสมผสานระหว่าง การทำอาหารที่บ้าน และ ส่วนลด Eatigo เพื่อช่วยประหยัด

เคล็ดลับสุดท้าย: อย่าหยุดทานอาหารนอกบ้าน แค่ทานอย่างชาญฉลาด
คุณไม่จำเป็นต้องยอมแพ้การทานอาหารนอกบ้าน เพียงแค่ใช้ Eatigo O’Clock deals เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 50%

👉 🍽️ สำรวจร้านอาหารลด 50% ตอนนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *